พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [1. ปาราชิกกัณฑ์] บทสรุป
3. ภิกษุณีผู้ไม่รู้
4. ภิกษุณีผู้ไม่ยินดี
5. ภิกษุณีวิกลจริต
6. ภิกษุณีจิตฟุ้งซ่าน
7. ภิกษุณีกระสับกระส่ายเพราะเวทนา
8. ภิกษุณีต้นบัญญัติ
ปาราชิกสิกขาบทที่ 4 จบ
บทสรุป
แม่เจ้าทั้งหลาย ธรรมคือปาราชิก 8 สิกขาบท1 ข้าพเจ้ายกขึ้นแสดงแล้วแต่
ละข้อ ๆ ซึ่งภิกษุณีต้องเข้าแล้วย่อมอยู่ร่วมกับภิกษุณีทั้งหลายไม่ได้ เป็นปาราชิก
หาสังวาสมิได้ เหมือนเมื่อก่อนบวช
ข้าพเจ้าขอถามแม่เจ้าทั้งหลายในธรรมคือปาราชิก 8 สิกขาบทนั้นว่า แม่เจ้า
ทั้งหลายบริสุทธิ์แล้วหรือ
ข้าพเจ้าขอถามเป็นครั้งที่ 2 ว่า แม่เจ้าทั้งหลายบริสุทธิ์แล้วหรือ
ข้าพเจ้าขอถามเป็นครั้งที่ 3 ว่า แม่เจ้าทั้งหลายบริสุทธิ์แล้วหรือ
แม่เจ้าทั้งหลายบริสุทธิ์แล้วในธรรมคือปาราชิก 8 สิกขาบทนี้ เพราะฉะนั้นจึง
นิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้
ปาราชิกกัณฑ์ในภิกขุนีวิภังค์ จบ
เชิงอรรถ :
1 ปาราชิกของภิกษุณีที่เหลืออีก 4 สิกขาบท มีเนื้อความเหมือนกันกับปาราชิก 4 สิกขาบทของภิกษุ ฉะนั้น
จึงรวมเป็น 8 สิกขาบท (ดู วินัยปิฎกแปล เล่ม 1/44/32,91/80,171/140-1,197/183)
พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [2. สังฆาทิเลสกัณฑ์] สังฆาทิเลสสิกขาบทที่ 1 นิทานวัตถุ
2. สังฆาทิเสสกัณฑ์
แม่เจ้าทั้งหลาย ธรรมคือสังฆาทิเสส 17 สิกขาบทเหล่านี้มาถึงวาระที่จะ
ยกขึ้นแสดงเป็นข้อ ๆ ตามลำดับ
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ 1
ว่าด้วยการก่อคดีพิพาท
เรื่องอุบาสกกับภิกษุณีถุลลนันทา
[678] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น อุบาสกคนหนึ่งถวายโรงเก็บของ
แก่ภิกษุณีสงฆ์แล้วถึงแก่กรรม เขามีบุตร 2 คน คนหนึ่งไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมใส
อีกคนหนึ่งมีศรัทธาเลื่อมใส บุตรทั้งสองแบ่งสมบัติของบิดา บุตรคนที่ไม่มีศรัทธา
ไม่เลื่อมใสได้กล่าวกับบุตรคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสนั้นดังนี้ว่า พวกเรายังมีโรงเก็บของ
อยู่ เอาโรงเก็บของนี้มาแบ่งกันเถิด
เมื่อเขากล่าวอย่างนั้น บุตรคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสได้กล่าวกับบุตรคนที่ไม่มี
ศรัทธาไม่เลื่อมใสดังนี้ว่า ท่านอย่าได้กล่าวอย่างนี้ บิดาของพวกเราถวายโรงเก็บ
ของให้ภิกษุณีสงฆ์แล้ว
บุตรคนที่ไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมใสได้กล่าวกับบุตรคนมีศรัทธาเลื่อมใสนั้นแม้ครั้ง
ที่ 2 ดังนี้ว่า พวกเรายังมีโรงเก็บของอยู่ เอามันมาแบ่งกันเถิด บุตรคนที่มี
ศรัทธาเลื่อมใสก็กล่าวกับบุตรคนที่ไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมใสดังนี้ว่า ท่านอย่าได้กล่าว
อย่างนี้ บิดาของพวกเราถวายโรงเก็บของให้ภิกษุณีสงฆ์แล้ว
บุตรคนที่ไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมใสกล่าวกับบุตรคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสแม้ครั้งที่ 3
ว่า พวกเรายังมีโรงเก็บของอยู่ เอามันมาแบ่งกันเถิด
ต่อมา บุตรคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสคิดว่า ถ้าเราได้โรงเก็บของก็จักถวายภิกษุณีสงฆ์
จึงกล่าวกับบุตรคนที่ไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมใสดังนี้ว่า ตกลง เราจะแบ่งมรดกกัน